Friday, August 27, 2010

ญี่ปุ่นกับสงคราม ความทรงจำแสนขมขื่นที่ไม่อยากลืม


เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 เป็นวันที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ถูกบอมบ์ด้วยระเบิดปรมาณูจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ยังผลให้เมืองทั้งเมืองราบเรียบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตา พร้อมคนอีกกว่า 140,000 คน ต่อมาในวันที่ 9 สิงหาคม ที่เมืองนางาซากิ ญี่ปุ่นก็ถูกบอมบ์ด้วยระเบิดปรมาณูอีกเป็นลูกที่สอง สูญเสียคนอีกกว่า 84,000 คนในชั่วข้ามคืน ทั้งสองเหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งที่นำพามาสู่การยอมแพ้สงครามของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945......

ช่วงเดือนสิงหาคมที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างซึ้งใจกับบุญคุณของแม่กันเป็นพิเศษเพราะตรงกับวันแม่แห่งชาติ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้น ถ้าได้เปิดทีวีขึ้นมาเถอะ ช่องทีวีหลักๆ เกือบทุกช่อง โดยเฉพาะช่องทีวีประจำชาติอย่าง NHK จะต้องมีรายการที่พูดถึงเรื่องของสงครามในมุมใดมุมหนึ่งเกือบทุกวัน มีการค้นหาฟิล์มหนัง ภาพถ่าย จดหมายที่บรรดาหนุ่มๆ ที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเขียนกลับมาหาพ่อแม่ หาภรรยา เล่าเหตุการณ์ความเป็นไประหว่างที่อยู่ในสนามรบ บางคนที่รอดชีวิตจากสงครามกลับมาสู่ครอบครัวได้ ต่างก็มีบาดแผลลึกในจิตใจอย่างยากที่จะเยียวยา แม้บัดนี้หนุ่มๆ เหล่านี้จะกลายเป็นคุณปู่ คุณตาอายุราว 80-90 แล้ว รายการโทรทัศน์ก็ยังเสาะหาจนเจอตัวแล้วตามไปสัมภาษณ์ถึงบ้าน หลายคนพูดถึงความทรงจำในสนามรบด้วยน้ำตา

ที่ฉันจำได้ไม่ลืม มีอยู่รายการหนึ่ง นำเสนอด้วยละครโทรทัศน์ที่เขียนบทจากบันทึกประจำวันของเด็กประถมกลุ่มหนึ่งที่โรงเรียนหนึ่งในฮิโรชิมา เป็นบันทึกประจำวันที่ครูสั่งให้นักเรียนหัดบันทึกไว้เป็นการบ้านทุกวันว่าแต่ละวันนั้นได้ทำอะไรบ้าง เด็กๆ ประถมในเวลานั้น โรงเรียนไม่ใช่เป็นแค่ที่เรียนหนังสือ แต่เด็กต้องรู้จักการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกข้าว เพราะอาหารขาดแคลน เด็กแค่ป.3 ยังต้องรู้จักตัดเสื้อใส่เอง ต้องเรียนการบอกรหัสตัวอักษรโดยใช้ท่าทาง เด็กที่มาครอบครัวชาวนาจะมีข้าวกล่องมาโรงเรียนดีกว่าเด็กในตัวเมืองจนต้องแอบๆ ทานเพราะเกรงใจเพื่อน เด็กๆ จึงเรียนรู้การใช้ชีวิตในช่วงสงครามไปพร้อมๆ กับความสนุกที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ แต่ละวัน สนุกกับการแอบทานขนมในหลุมหลบภัยโดยไม่ให้คุณครูรู้ บันทึกของเด็กส่วนใหญ่เขียนถึงวันที่ 5 สิงหาคม เป็นวันสุดท้าย พร้อมร่องรอยไหม้เกรียมจากความร้อนยังปรากฏให้เห็น...

เป็นที่รู้กันโดยนัยว่า ผู้เฒ่าญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ เกือบทุกคนเคยสูญเสียใครสักคนที่ตนรักไปกับสงคราม ใครสักคนในกว่า 3 ล้านคนที่จากไป  และในวันนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ...ถ้าเลือกได้ ไม่อยากให้โลกนี้มีสงครามอีกเลย...

No comments:

Post a Comment